ทำไมถึงโดนหักเงินประกันสังคมทุกเดือน สิทธิมีอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่

ทำไมถึงโดนหักเงินประกันสังคมทุกเดือน สิทธิมีอะไรบ้าง หาคำตอบได้ที่นี่

หักเงิน, ประกันสังคม, สิทธิ, การเบิกเงิน, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าชดเชย, นายจ้าง สมทบ, เป็นประโยชน์, ว่าง

สำหรับเด็กจบใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มทำงานนั้น เมื่อได้รับเงินเดือนครั้งแรก อาจจะมีความสงสัยว่า ทำไมถึงถูกหักเงินค่าประกันสังคมไป ซึ่งเป็นส่วนที่บางคนอาจจะมองว่าไม่อยากจ่ายสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องจ่ายตามกฎหมาย ซึ่งส่วนมากก็จะต้องจ่ายกันอยู่ที่ 750 บาท/เดือน และก็อาจจะสงสัยกันว่า จ่ายเงินส่วนนี้ไปแล้วสามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง มีสิทธิใดที่ใช้ได้บ้าง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกันครับ

สำหรับเงินส่วนนี้นั้น ตามกฎหมายแล้วจะให้จ่ายเป็นจำนวน 5% ของเงินเดือน แต่สูงสุดไม่เกิน 750 บาท/เดือน หรือพูดง่ายๆ ว่า เงินเดือนมากกว่า 15,000 จ่ายแค่ 750 บาท/เดือนเท่านั้น ซึ่งเงินส่วนนี้ นายจ้างจะต้องร่วมจ่ายสมทบให้เราด้วยในจำนวนที่เท่ากัน นั่นคือ 5% และสูงสุดไม่เกิน 750 บาท/เดือน โดยเมื่อเราจ่ายเงินสมทบไปแล้ว จะสามารถใช้สิทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลที่เราเลือกไว้ (ซึ่งส่วนมากจะเป็นโรงพยาบาลรัฐและเอกชนบางแห่ง) ร่วมถึงการเบิกเงินในกรณีฉุกเฉินต่างๆ ด้วยเช่นกัน เช่น ค่าทำศพ ค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุ เป็นต้น ซึ่งเราจะอธิบายเพิ่มเติม

 

จ่ายประกันสังคมแล้ว ใช้สิทธิอะไรได้บ้าง? 

หักเงิน, ประกันสังคม, สิทธิ, การเบิกเงิน, ค่ารักษาพยาบาล, ค่าชดเชย, นายจ้าง สมทบ, เป็นประโยชน์, ว่าง

สำหรับเงินประกันสังคมนั้น เมื่อเราได้จ่ายไปแล้ว จะเริ่มใช้สิทธิต่างๆ ได้ตั้งแต่เดือนแรก เดือนที่สาม เดือนที่หก และหลังจากจ่ายไปแล้วหลักปี ซึ่งจะมีสิทธิ์ต่างๆ ที่เราสามารถใช้ได้ดังนี้

 

ค่าทำศพ

สิทธิ์นี้จะเริ่มใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ซึ่งเราสามารถกำหนดผู้มีสิทธิ์รับเงินได้ เมื่อเราเสียชีวิต ผู้จัดการศพก็จะสามารถเบิกเงินจากกองทุนได้เป็นจำนวน 40,000 บาท

เบิกค่ารักษาพยาบาล

สิทธิ์นี้จะเริ่มต้นใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ถือเป็นสิทธิ์ที่ใช้งานได้บ่อยมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะการถอนฟัน ที่ให้ปีละ 900 บาท หากใช้สิทธิ์ในสถานพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย แต่ถ้าใช้สิทธิ์ฉุกเฉิน จะใช้ได้ทุกสถานพยาบาล แต่ต้องสำรองจ่ายก่อน และเบิกเงินคืนจากกองทุนในภายหลัง

ประโยชน์ทดแทนกรณีทุพพลภาพ

สิทธิ์นี้จะเริ่มต้นใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ในกรณีที่เราเกิดการทุพพลภาพอันเนื่องมาจากเหตุอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน เราสามารถรับเงินชดเชยในกรณีนี้ได้ ซึ่งถ้ามีอาการทุพพลภาพรุนแรง จะได้รับเงิน 50% ของเงินเดือนตลอดชีพ แต่ถ้าไม่รุนแรงจะได้เงินตามอัตราและระยะเวลาที่กำหนดไว้

ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน

สิทธิ์นี้จะเริ่มต้นใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ในกรณีที่เราหมดสัญญาจ้าง หรือลาออกจากที่ทำงาน สามารถขึ้นทะเบียนคนว่างงาน และรับเงินชดเชย 30% ของค่าจ้างเดิม สูงสุดไม่เกิน 4500 บาท/เดือน เป็นเวลา 90 วัน แต่หากเราต้องออกจากที่ทำงานอย่างไม่เป็นธรรม เช่น ถูกเลิกจ้างจากสาเหตุที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำกฎหมายหรือวินัยใดๆ จะได้รับเงินชดเชย 50% ของค่าจ้างเดิม สูงสุดไม่เกิน 7500 บาท/เดือน เป็นเวลาถึง 180 วันเลยทีเดียว

เงินสงเคราะห์บุตร

สิทธิ์นี้จะเริ่มต้นใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยเราจะได้รับเงินเดือนละ 600 บาทเป็นเวลา 6 ปี เมื่อเรามีบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น (ไม่นับรวมบุตรบุญธรรม) ซึ่งถ้านับยอดรวมทั้งหมด จะได้เงินถึง 43,200 บาทเลยทีเดียว

ค่าคลอดบุตร/ลาคลอด

สิทธิ์นี้จะเริ่มต้นใช้งานได้เมื่อส่งเงินตั้งแต่ 1 ปี 3 เดือน ขึ้นไป (15 เดือน) สามารถใช้สิทธิ์ที่ฝ่ายสามีหรือภรรยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น โดยจะได้รับเงิน 13,000 บาท ต่อการคลอด 1 ครั้ง และทางฝ่ายภรรยาสามารถใช้สิทธิ์ลาคลอดได้ โดยจะได้รับเงินเดือนในอัตรา 50% เป็นเวลา 90 วัน แต่จะใช้สิทธิ์ได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และ 2 เท่านั้น

เงินบำเหน็จบำนาญยามเกษียณ

หากเราส่งเงินตั้งแต่ 1-15 ปี (12-180 ปี) เราจะได้รับเป็นบำเหน็จ ตามจำนวนที่เราส่งและนายจ้างสมทบทั้งหมด และได้รับผลประโยชน์ตอบแทนตามอัตราที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด แต่หากเราส่งเงินน้อยกว่า 12 เดือน เราจะได้เงินเฉพาะจำนวนที่เราส่งไปทั้งหมดเท่านั้น ไม่รวมส่วนที่นายจ้างจ่ายสมทบ

แต่หากเราส่งเงินประกันสังคมตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เราจะได้รับเป็นบำนาญเป็นรายเดือน เป็นจำนวน 20% ของค่าจ้างเฉลี่ย 5 ปี (60 เดือน) ก่อนจะเกษียณ ไปตลอดชีวิต แต่หากเสียชีวิตภายใน 5 ปีแรกรับจากเกษียณ จะได้รับเป็นเงินบำเหน็จ 10 เท่าของเงินบำนาญรายเดือนที่ได้รับเดือนล่าสุด

 

แม้การจ่ายเงินส่วนนี้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการสิ้นเปลืองหรือไม่อยากจ่าย แต่หากมองกันในระยะยาว ถือว่าเป็นประโยชน์กับเรามากเลยทีเดียว ทั้งในแง่ของค่าชดเชยที่เราจะได้หากว่างงาน เงินบำเหน็จบำนาญในยามเกษียณที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายได้อย่างไม่ลำบากเกินไป รวมถึงเงินดูแลบุตร ซึ่งถ้าหากเรามีบุตรสองคน ก็จะช่วยประหยัดค่าเลี้ยงดูลงไปได้เกือบแสนบาทเลยล่ะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง
Jobs aSearcher