ควรรู้ก่อนสมัครงาน! ระหว่างงาน QA กับงาน QC ต่างกันอย่างไร?
ทำความรู้จักงาน Quality Assurance กับงาน Quality Control ก่อนสมัครงาน!
ก่อนที่เราจะไปสมัครงานในตำแหน่ง QA หรืองานในตำแหน่ง QC นั้น เราควรที่จะต้องรู้ก่อนว่าทั้งสองตำแหน่งงานนี้ต่างกันอย่างไร? แล้วแต่ละงานมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง?
เชื่อว่าหลายคนคงต้องเคยได้ยินคำว่า QA (Quality Assurance) และ QC (Quality Control) กันมาบ้างในเรื่องของกระบวนการผลิต โดยทั้งสองตำแหน่งนี้จะทำงานในสายการผลิตเช่นเดียวกัน รวมถึงมีการทำงานที่ประสานกันอยู่ แต่หน้าที่ของทั้งสองตำแหน่งนี้ก็จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน และต้องบอกก่อนเลยว่า QA กับ QC ของแต่ละองค์กรนั้นก็อาจจะรับผิดชอบหรือมีขอบข่ายงานที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบท มุมมอง ข้อจำกัด หรือวัตถุประสงค์ของแต่ละองค์กรด้วย
ระหว่างงาน QA กับงาน QC ต่างกันอย่างไร?
สำหรับผู้สมัครงานหลายๆ คนที่กำลังสงสัยว่าหน้าที่ของ QA และ QC ต่างกันอย่างไร? วันนี้เรามีคำตอบมาอธิบายให้ผู้สมัครงานทุกคนเข้าใจได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้สมัครในการเตรียมตัวก่อนสมัครงานค่ะ
QA (Quality Assurance) หรือ การประกันคุณภาพ คืออะไร?
QA หรือ การประกันคุณภาพ คือนักวางแผนเพื่อการผลิตสินค้าหรือบริการที่ได้มาตรฐาน มีหน้าที่ในการวางแผนล่วงหน้าให้ขั้นตอนการผลิตสินค้าหรือบริการเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ และนำไปสู่สินค้าหรือบริการที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าสูงสุด และเมื่อสินค้าหรือบริการผ่านการ QC (Quality Control) แล้ว ก็ต้องนำสินค้าหรือบริการมาตรวจสอบอีกครั้ง หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น QA ต้องนำมาวิเคราะห์พร้อมวางแผน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก และกำหนดแนวทางในการป้องกันการเกิดปัญหาในระยะยาวด้วย ซึ่งการประกันคุณภาพนี้เป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่าจะได้รับสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพเท่านั้น
หน้าที่ของ QA (Quality Assurance)
QA จะปฏิบัติหน้าที่เชิงรุกโดยเน้นไปที่การวางแผนและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในขั้นตอนการผลิตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ซึ่ง QA จะเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์และมาตรฐานของสินค้าหรือบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด รวมถึงต้องตรวจสอบสินค้าที่ผ่านการ QC มาแล้วอีกครั้ง ซึ่งหากเกิดปัญหาในกระบวนการผลิตสินค้า QA จำเป็นต้องมองให้เห็นถึงปัญหา และทำความเข้าใจในเชิงระบบ โดยนำปัญหาของเสียหรือการเกิดตำหนิที่เกิดไปวิเคราะห์เพื่อวางแผน ป้องกันไม่ให้เกิดของเสียหรือลดจำนวนการเกิดปัญหาในระยะยาว
QC (Quality Control) หรือ การควบคุมคุณภาพ คืออะไร?
QC หรือ การควบคุมคุณภาพ คือนักปฏิบัติการเพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่ตรงตามแผน มีหน้าที่ตรวจสอบสินค้าหรือบริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน (Standard) ที่ QA ได้วางแผนและกำหนดไว้ ทั้งในด้านคุณภาพ (Quality) และปริมาณ (Quantity) โดยการควบคุมคุณภาพนี้เป็นส่วนหนึ่งของการประกันคุณภาพ (QA) และการประกันคุณภาพก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบการบริการคุณภาพ (QMS) และระบบการบริหารคุณภาพก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารธุรกิจที่มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว คือ การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า
หน้าที่ของ QC (Quality Control)
ในขณะที่ QA เป็นผู้วางแผนการทำงาน QC ก็คือผู้ปฏิบัติการที่จะต้องตรวจสอบสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ QA กำหนด โดย QC ต้องเป็นผู้ที่มีความละเอียดอ่อนและช่างสังเกต ต้องคัดแยกสินค้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานให้ได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งจำเป็นต้องใช้ความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมาก ต้องมีการกำกับการตรวจสอบตั้งแต่ก่อน ระหว่าง และหลังการผลิต ซึ่งมีอยู่ 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. ตรวจสอบคุณภาพวัตถุดิบ (Raw Material) ต้องมีการตรวจสอบวัตถุดิบทุกตัวที่นำมาใช้ในการผลิต โดยวัตถุดิบทุกชิ้นจะต้องมี Certificate of Analysis ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลของผู้นำเข้าและผู้ขายได้อย่างชัดเจน รวมถึงมีการสุ่มตรวจวัตถุดิบด้วย
2. ตรวจสอบคุณภาพบรรจุภัณฑ์ (Packaging) บรรจุภัณฑ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน และมีการตรวจสอบเช่นเดียวกับการตรวจสอบวัตถุดิบ แต่มีข้อแตกต่างกันเล็กน้อยด้วยการใช้หลักการ Sampling plan ที่จะสุ่มตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ให้ได้ตามมาตรฐาน AQL (เปอร์เซ็นต์สูงสุดของผลิตภัณฑ์ที่เสียในกระบวนการผลิตที่ยอมรับได้) ที่กำหนดไว้
3. ตรวจสอบคุณภาพเนื้อผลิตภัณฑ์ (Bulk) แบ่งการทดสอบเป็น 2 ลักษณะ คือ
- Physical Chemical Testing คือ การทดสอบทางกายภาพและทางเคมีของเนื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งประกอบด้วย ลักษณะภายนอก (Appearance), สี (Color), กลิ่น (Odor), ความเป็นกรด-ด่าง (pH) และความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ (Viscosity)
- Microbiology Testing คือ การทดสอบเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อก่อโรคต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ได้การรับรองมาตรฐาน ISO17025
4. ตรวจสอบคุณภาพระหว่างการผลิต มีตำแหน่งเฉพาะเรียกว่า QC Line ทำหน้าที่ในการตรวจสอบไลน์การผลิตผลิตภัณฑ์ เช่น การสุ่มตรวจก่อนเริ่มไลน์ 10 ชิ้นแรก และดำเนินการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ในไลน์ทุกชั่วโมง หรือตรวจดูการติดสติกเกอร์ การใส่กล่อง และอื่นๆ ว่าตรงตามมาตรฐานหรือไม่ เพื่อป้องกันการผิดพลาดขณะทำงาน
5. ตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป (Finish Good) เป็นการตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีการสุ่มตรวจว่าผลิตภัณฑ์ที่สำเร็จรูปแล้วเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ รวมถึงมีการเก็บ Retain Sample เพื่อนำมาตรวจสอบภายหลังอีกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก jobsDB
-
ผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นกับธุรกิจการบิน
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 นั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจในหลายภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจการบินที่กระทบค่อนข้างหนัก โดยธุรกิจการบินนั้นจะมีการปรับตัวอย่างไรบ้าง มาศึกษากันครับ
-
รู้หรือไม่! องค์กรที่รับเด็กจบใหม่เข้าทำงาน เขาตัดสินจากอะไร?
สำหรับเด็กจบใหม่แล้ว อะไรที่เป็นตัวตัดสินให้องค์กรรับพวกเขาเข้าทำงานกันนะ? คงต้องบอกเลยว่าแต่ละองค์กรก็จะมีนโยบายในการคัดเลือกพนักงานที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้บริหารหรือแผนกลยุทธ์ขององค์กรนั้นๆ
-
คุณสมบัติเจ้านายในดวงใจ ที่ลูกน้องต้องการ!
การได้มีเจ้านายในดวงใจมันก็เหมือนกับการถูกหวยรางวัลที่ 1 เลยแหละ เพราะมันจะทำให้การทำงานของเราราบรื่นและมีความสุขอยู่ตลอดเวลา และนี่คือ 10 คุณสมบัติเจ้านายในดวงใจที่ลูกน้องต้องการ!