สั่งของกินออนไลน์จากแอปไหนดี ที่คุ้มค่าน่าเสียเงิน?

ปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ได้หันมาพึ่งพาแอปพลิเคชันสั่งอาหารออนไลน์กันมากขึ้น เพราะว่าทั้งสะดวกสบาย ประหยัดเวลา แถมยังมีของกินให้เลือกมากมายอีกด้วย แต่จะมีแอปสั่งอาหารเจ้าไหนที่น่าสนใจและเป็นเจ้าที่ดีที่สุด คุ้มค่าแก่การเสียเงินกันบ้างนะ?

เนื่องจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนได้เปลี่ยนแปลงไป จึงทำให้เกิดสิ่งใหม่ที่เรียกว่า "New Normal" ขึ้น แปลว่า "ความปกติใหม่" ซึ่งก็หมายถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนในการใช้ชีวิตประจำวัน และการขับเคลื่อนทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะออนไลน์ ซึ่งสิ่งใหม่เหล่านี้ได้กลายเป็นความปกติใหม่ จนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไป ก็จะทำให้เกิดความคุ้นชินและกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตปกติของผู้คนในสังคมนั่นเองค่ะ

แนะนำ App สั่งอาหารออนไลน์ เจ้าไหนดีที่สุดในปี 2020

ในปี 2020 นี้ คงเป็นปีที่ผู้ประกอบธุรกิจด้านการจัดส่งอาหารมีการแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว เพราะเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้คนส่วนใหญ่ไม่อยากออกจากบ้าน แอปสั่งอาหารออนไลน์จึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับคนในยุคนี้ จะมีแอปไหนบ้าง? ไปดูกันเลย

1. Grab Food

แอปสั่งอาหารออนไลน์ยอดนิยมที่ให้บริการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สามารถสั่งอาหารเดลิเวอรี่โดยขึ้นอยู่กับเวลาเปิดปิดของร้านที่สั่ง และยังสามารถสั่งของจากซูเปอร์ด้วย GrabMart หรือบริการใหม่ GrabAssistant ที่ช่วยไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายยา และร้านค้าอื่นๆ รวมถึงส่งของให้เพื่อนก็ได้เช่นกัน

จุดเด่น
- ใช้งานง่าย ชำระค่าบริการได้หลายช่องทาง
- มีการจัดหมวดหมู่อาหาร เพื่อความสะดวกในการใช้บริการ
- ค่าใช้จ่ายในภาพรวมถือว่าถูกที่สุดเมื่อเทียบกับผู้บริการรายอื่น
- ให้บริการครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยว และหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศ
- ได้รับสินค้าได้รวดเร็วภายใน 40 นาที

ค่าบริการ : คิดตามระยะทางเริ่มต้น 10 บาท (สั่งไม่ถึง 70 บาท คิดค่า Small Order Fee 20 บาท)

ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, Rabbit LINE Pay, Grab Pay Wallet, บัตรเครดิต, การโอนเงิน, หักจากบัญชีอัตโนมัติพื้นที่บริการ

2. Food Panda

แอปที่ส่งฟรีจากกว่า 50,000 ร้านทั่วไทย โดยไม่ต้องใช้โค้ด แต่จะมีร้านให้เลือกในระยะทางที่ใกล้ๆ เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจากแอปอื่นที่คิดค่าส่งตามระยะทาง จึงจะมีร้านที่ระยะทางไกลกว่าให้เลือกด้วย ดังนั้นหากเราอยู่ในเขตที่มีร้านอาหารฟู้ดแพนด้าน้อยก็อาจจะหาของกินแบบส่งฟรีได้ยากหน่อย

จุดเด่น
- ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ให้บริการทั่วถึง
- หากสินค้าเกิดความเสียหายระหว่างขนส่งจะได้รับเงินคืนและบัตรส่วนลดเพื่อใช้จ่ายในครั้งต่อไป
- มีการจัดหมวดหมู่ร้านอาหารและเมนูแนะนำให้เกิดความสะดวกต่อการใช้งาน

ค่าบริการ : ส่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ) แต่ต้องสั่งขึ้นต่ำ 50 บาท นอกจากนั้นคิดอัตราค่าบริการตามระยะทางในราคาไม่เกิน 40 บาท

ช่องทางการชำระเงิน : บัตรเครดิต, Paypal, เงินสด

3. LINE MAN

แอปสั่งอาหารไลน์แมนให้บริการอาหารเดลิเวอรี่ 24 ชม. เป็นพาร์ทเนอร์กับ WONGNAI จึงมีร้านดังรวมกว่า 100,000 ร้านทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าคุณจะอยากสั่งอาหาร Delivery สั่งของจากซูเปอร์ หรือบริการส่งของก็มีเหมือนกัน

จุดเด่น
- มีร้านค้าเข้าร่วมรายการมากที่สุดในบรรดาผู้ประกอบธุรกิจด้านการจัดส่งอาหาร
- คิดราคาอาหารตามความเป็นจริง อิงตามราคาที่ขายในร้าน
- เป็นพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกับ WONGNAI ผู้ใช้บริการสามารถดูรีวิวและสั่งสินค้าจากช่องทางดังกล่าวผ่าน LINE MAN ได้

ค่าบริการ : ร้านพาร์ทเนอร์เริ่มต้น 10 บาท (ร้านธรรมดาเริ่มต้น 55 บาท)

ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, Rabbit LINE Pay, บัตรเครดิต

4. SKOOTAR

แอปสั่งอาหารสัญชาติไทยตัวใหม่ไฟแรง โดยการรับส่งอาหารของทาง SKOOTAR นั้นจะเน้นไปที่การให้บริการหลังบ้านของร้านอาหารออนไลน์ต่างๆ ไม่ใช่การบริการโดยตรงกับลูกค้าเหมือนแอปอื่นๆ ซึ่งจะเหมาะกับร้านค้า ร้านอาหารออนไลน์ หรือธุรกิจ SMEs ต่างๆ มากกว่า

จุดเด่น
- สามารถสั่งสินค้าล่วงหน้า และกำหนดเวลาในการส่งได้
- มีบริการเสริมเป็นกล่องบรรจุสินค้าซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน ไว้ให้บริการกันฟรีๆ
- การันตีส่งเร็ว ปิดงานไว ภายใน 45 นาที

ค่าบริการ : เริ่มต้น 10 บาท + ค่าขนส่งตามระยะทางจริง

ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, Skootar Wallet, Counter Service, พร้อมเพย์

5. GET

แอปสั่งอาหารที่ประสบความสำเร็จมาแล้วจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม (Go-Jek) จึงมาเปิดที่ไทยในชื่อ GET โดยเขาเคลมมาว่ามีกว่า 20,000 ร้านค้าบนแพลตฟอร์มตั้งแต่สตรีทฟู้ดยันมิชลินสตาร์ สามารถสั่งอาหารจากร้านไกลๆ ได้ค่อนข้างเยอะ อีกทั้งยังมีบริการส่งของ (GET DELIVERY) อีกด้วย

จุดเด่น
- มีโปรโมชั่นอาหารแบบเซ็ตอันหลากหลาย ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก
- พนักงานส่งอาหารมีจำนวนมากกว่า 20,000 คน
- ค่าบริการในการจัดส่งอาหารมีราคาถูกที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น ในระยะทางเท่ากัน

ค่าบริการ : สำหรับร้านพาร์ทเนอร์เริ่มต้นที่ 10 บาท (ร้านธรรมดาเริ่มต้น 30 บาท)

ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด,โอนเงิน (แล้วแต่กรณี), GET PAY

ขอบคุณข้อมูลจาก huaPood