สรุปงาน Apple Event 13 ตุลาคม ที่มาพร้อมกับ iPhone 12 และ HomePod Mini

เมื่อคืนวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา Apple ก็ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้สโลแกน “Hi, speed” ซึ่งภายในงานนั้นมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อยู่หลักๆ 2 ตัว ได้แก่ ไอโฟน 12 และอุปกรณ์เสริมภายในบ้านอย่าง HomePod Mini ซึ่งในบทความนี้เราจะมาสรุปข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวภายในงาน Apple Event 13 ตุลาคม พร้อมเจาะลึกรายละเอียด iPhone 12 ทุกรุ่นกันครับ

สำหรับงานเปิดตัวในครั้งนี้นั้นมีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่อยู่หลักๆ ทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ HomePod และ iPhone ที่มีการพัฒนาและต่อยอดมาจากปีก่อนหน้า ซึ่งในส่วนของ HomePod ที่เปิดตัวนั้นได้แก่ HomePod Mini ที่มีขนาดเล็กลง และมีประสิทธิภาพที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ส่วนอีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่หลายๆ คนรอคอย ก็แน่นอนว่าเป็นไอโฟน 12 ที่มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ พัฒนา Spec ให้สุดยอดมากขึ้น รวมไปถึงเป็นไอโฟนรุ่นแรกที่รองรับ 5G ซึ่งจะมีรายละเอียดทั้งราคา Spec และกำหนดการวางขายเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมาบอกทุกคนในบทความนี้ครับ

Apple Events 13 ตุลาคม : HomePod Mini และ iPhone 12

สำหรับรายละเอียดของงาน Apple Event 13 ตุลาคม ที่มีกรเปิดตัว HomePod Mini และ iPhone 12 อุปกรณ์แต่ละชิ้นจะเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

HomePod Mini

สำหรับ HomePod นั้นถือเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายในบ้าน ซึ่ง Apple ได้เคยเปิดตัว HomePod รุ่นแรกไปในช่วงปี พ.ศ. 2560 และในปีนี้ Apple ได้เปิดตัว HomePod Mini ที่มีขนาดเล็กลงกว่ารุ่นแรก พร้อมสเปกและการใช้งานที่เรียกได้ว่าน่าสนใจมาก โดยมาพร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 99$ หรือประมาณ 3,100 บาทเท่านั้น

ความสามารถของ HomePod Mini

• รองรับระบบเสียงแบบ 360-degree Audio
• ดีไซน์สวย ขนาดเล็ก ไม่เปลืองพื้นที่
• ขนาดรอบตัวเครื่อง : 97.9x84.3 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 345 กรัม
• ไมโครโฟน 4 ตัว รองรับการสั่งงาน Siri จากระยะไกล
• สามารถจับคู่ลำโพง 2 ตัวเพื่อเล่นเสียงแบบ Stereo ได้
• รองรับการเล่นเพลงและ Podcast บน Apple Music รวมไปถึง 3rd Party
• รองรับอุปกรณ์ดังนี้
• iPhone ตั้งแต่ 6s Plus ขึ้นมา บน Software เวอร์ชั่นล่าสุด
• iPad ตั้งแต่ Mini 4, Air 2, iPad รุ่นที่ 5 และ iPad Pro ทุกรุ่น (9.7, 10.5, 11 และ 12.9)
• iPod Touch รุ่นที่ 7
• รองรับระบบผู้ช่วยส่วนตัว Siri
• จดจำเสียงได้ถึง 6 คน
• สามารถเชื่อมต่อและสนทนากับ HomePod ตัวอื่นที่ติดตั้งภายในบ้านได้

สำหรับตัว HomePod Mini จะเริ่มเปิดให้สั่งจองในวันที่ 6 พฤศจิกายน และวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายนเป็นต้นไป และคาดว่า HomePod Mini จะไม่วางจำหน่ายในประเทศไทยเหมือนกับ HomePod แต่สามารถหาซื้อผ่านช่องทางอื่นๆ ได้

รายละเอียดเพิ่มเติมของ HomePod Mini https://www.apple.com/homepod-mini/

iPhone 12 Series

มาถึงพระเอกของงานในคืนนี้อย่าง iPhone 12 โดยในปีนี้ เป็นครั้งแรกของ iPhone ที่สามารถรองรับความเร็วการเชื่อมต่อยุคใหม่อย่าง 5G ได้ ซึ่งรองรับคลื่น 5G แบบ sub‑6 GHz และ mmWave พร้อมตัวเครื่องที่มาในดีไซน์แบบขอบเหลี่ยมคล้ายกับใน iPhone 5 และการปรับปรุงประสิทธิภาพเรื่องกล้องครั้งใหญ่เลยทีเดียว และการรองรับ MagSafe ที่ช่วยให้ชาร์จไร้สายไวขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า Apple ก็ได้แยก iPhone 12 ออกมาเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีรุ่นย่อยอีก 2 รุ่น ดังนี้ครับ

iPhone 12 และ iPhone 12 Mini

สำหรับ iPhone 12 และ 12 Mini นั้นมากับดีไซน์แบบขอบเครื่องทรงเหลี่ยม บอดี้เคลือบเซรามิกที่ทนทานมากขึ้น พร้อมขนาดที่บางลง 11% เล็กลง 15% และเบาลง 16% เมื่อเทียบกับ iPhone 11 และรอบนี้มีตัวเลือกมาให้ถึง 2 ขนาด ที่หน้าจอ 6.1 นิ้วบน iPhone 12 และ 5.4 นิ้วบน iPhone 12 Mini บนพาเนลแบบ Super Retina XDR แน่นอนว่าก็ยังมาพร้อมกับสีสันหลากหลายเช่นเคย โดยใน iPhone 12 นั้นมาพร้อมกับสีดำ ขาว แดง (Product)RED สีเขียว และสีใหม่อย่างสีน้ำเงิน ส่วนในเรื่องของกล้องนั้นก็จัดเต็มฟีเจอร์มามากเลยทีเดียว ทั้ง Night Mode ที่ถ่ายได้ทุกเลนส์ รองรับการถ่ายวิดีโอ Dolby Vision และ Deep Fusion ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของภาพถ่ายให้ดีมากขึ้น

สเปกของ iPhone 12 และ iPhone 12 Mini

• ขนาดรอบตัวเครื่อง
• iPhone 12 Mini : 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร
• iPhone 12 : 146.7 x 71.5 x 7.4 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก
• iPhone 12 Mini : 133 กรัม
• iPhone 12 : 162 กรัม
• หน้าจอ
• iPhone 12 Mini : ขนาด 5.4 นิ้ว แบบ Super Retina XDR ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (476 ppi)
• iPhone 12 : ขนาด 6.1 นิ้ว แบบ Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล (460 ppi)
• รองรับการแสดงผลแบบ HDR, True Tone, ขอบเขตสี P3
• กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 (ลึกสูงสุด 6 เมตร นาน 30 นาที)
• หน่วยประมวลผล : Apple A14 Bionic
• กล้องคู่ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (เลนส์หลัก) 12 ล้านพิกเซล (เลนส์อัลตร้าไวด์)
• บันทึกวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุด 30 fps และ 4K สูงสุด 60 fps
• รองรับ Deep Fusion, HDR, Dolby Vision, OIS, Night Mode, Portrait Mode
• กล้องหน้า TrueDepth ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
• ระบบความปลอดภัยด้วย Face ID
• รองรับ 5G sub‑6 GHz และ mmWave
• รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, พอร์ต Lightning, NFC
• ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
• รองรับชาร์จเร็ว 20W
• รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สายสูงสุด 15W
• สี : สีดำ ขาว แดง (Product)RED สีเขียว และสีน้ำเงิน
• ความจุ : 64 GB, 128 GB, 256 GB
• ราคาเปิดตัว
• iPhone 12 Mini : เริ่มต้น 699$ (64 GB)
• iPhone 12 : เริ่มต้น 799$ (64 GB)

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.apple.com/th/iphone-12/

iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max

เป็นการอัพเกรดอีกครั้งสำหรับ iPhone 12 Pro ที่เปลี่ยนทั้งดีไซน์ขอบตัวเครื่อง และเพิ่มขนาดจอให้ใหญ่ขึ้น พร้อมกล้องและประสิทธิภาพโดยภาพรวมที่จัดเต็มมากขึ้น โดยเฉพาะกล้องที่เพิ่ม LiDAR Scanner ให้สามารถใช้งาน 3 มิติได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับ Ceramic Shield ที่ทำให้ตัวเครื่องแข็งแกร่งมากขึ้น พร้อมสีสันใหม่อย่าง Pacific Blue ที่สวยงามจนต้องเป็น 1 ในสีที่ขายดีอย่างแน่นอน ส่วนด้านประสิทธิภาพนั้นก้าวกระโดดด้วยชิป Apple A14 ที่เร็วสุดๆ สมคำว่าโปร ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบครันที่สุดของ Apple ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้

สเปกของ iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max

• ขนาดรอบตัวเครื่อง
• iPhone 12 Pro : 146.7 x 71.5 x 7.4 มิลลิเมตร
• iPhone 12 Pro Max : 160.8 x 78.1 x 7.4 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก
• iPhone 12 Pro : 187 กรัม
• iPhone 12 Pro Max : 226กรัม
• หน้าจอ
• iPhone 12 Pro : ขนาด 6.1นิ้ว แบบ Super Retina XDR ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล (460 ppi)
• iPhone 12 Pro Max : ขนาด 6.7 นิ้ว แบบ Super Retina XDR ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล (458 ppi)
• รองรับการแสดงผลแบบ HDR, True Tone, ขอบเขตสี P3
• กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 (ลึกสูงสุด 6 เมตร นาน 30 นาที)
• หน่วยประมวลผล : Apple A14 Bionic
• กล้อง 3 ตัว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (เลนส์หลัก) 12 ล้านพิกเซล (เลนส์อัลตร้าไวด์) 12 ล้านพิกเซล (เทเลโฟโต้)
• กล้อง LiDAR Scanner
• ซูม
• iPhone 12 Pro : Optical สูงสุด 2เท่า และ Digital สูงสุด 10 เท่า
• iPhone 12 Pro Max : Optical สูงสุด 2.5 เท่า และ Digital สูงสุด 12 เท่า
• รองรับการบันทึกไฟล์ภาพแบบ JPEG, HEIF และ RAW
• บันทึกวิดีโอ HDR แบบ Dolby Vision สูงสุด 60 fps และ 4K สูงสุด 60 fps
• รองรับการซูมเสียง
• รองรับ Deep Fusion, HDR, Dolby Vision, OIS, Night Mode, Portrait Mode
• ระบบความปลอดภัยด้วย Face ID
• รองรับ 5G sub‑6 GHz และ mmWave
• รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, พอร์ต Lightning, NFC
• ลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
• รองรับชาร์จเร็ว 20W
• รองรับ MagSafe ชาร์จไร้สายสูงสุด 15W
• ความจุ : 128 GB, 256 GB, 512 GB
• สี : Silver, Graphite, Gold และ Pacific Blue
• ราคาเปิดตัว
• iPhone 12 Pro : เริ่มต้น 999$ (128 GB)
• iPhone 12 Pro Max : เริ่มต้น 1099$ (128 GB)

รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.apple.com/th/iphone-12-pro/

กำหนดการวางจำหน่าย iPhone 12 Series

สำหรับ iPhone 12 และ iPhone 12 Pro นั้นจะเริ่มเปิดให้สั่งจอง (เฉพาะประเทศ Tier 1 ไม่มีประเทศไทย) ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม และเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 23 ตุลาคมเป็นต้นไป ส่วน iPhone 12 Mini และ iPhone 12 Pro Max นั้นจะเริ่มเปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 6 พฤศจิกายน และวางจำหน่ายตั้งแต่ 13 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ส่วนประเทศไทยนั้นยังไม่มีรายละเอียดออกมา

สำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้นั้น ไอโฟนถือว่าจัดเต็มสเปกมาแน่นมากเลยทีเดียว ส่วนรายละเอียดในการวางจำหน่ายและกำหนดการต่างๆ ในไทยนั้น ต้องรอทาง Apple ประเทศไทยอัพเดทกันอีกครั้ง คาดว่าไม่นานเกินรอก็คงได้เห็นค่าตัวและวันวางขายของไอโฟน 12 กันแล้วครับ