ค่าซ่อมอุปกรณ์ Apple ราคาเท่าไหร่ มาดูกัน!! (อัพเดท มีนาคม 2020)

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย เมื่อใช้งานมากไปย่อมมีอาการแปลกๆ แสดงให้เราเห็น และแต่ละชิ้นก็มีความทนทานที่แตกต่างกัน และความประมาทของเรา (รวมถึงคนอื่น) อาจจะสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์ของเรา เมื่อเกิดความเสียหาย เราก็ต้องจ่ายค่าซ่อมอุปกรณ์เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ตามเดิม และ Apple ก็เป็นอีกหนึ่งค่ายยอดฮิตที่วัยทำงานอย่างเราใช้งานกัน ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad หรือ MacBook ดังนั้นเรามาดูกันว่า ถ้าเกิดอุปกรณ์เราเสียขึ้นมา เราจะต้องจ่ายเท่าไหร่กัน

ก่อนอื่นต้องบอกไว้เลยว่า สำหรับแอปเปิ้ล เมื่ออุปกรณ์ของคุณเกิดความเสียหายใดๆ ขึ้นมา เมื่อส่งเครื่องเข้าศูนย์แล้ว ก็จะมีการตรวจเช็คความเสียหายในเบื้องต้น และประเมินว่าต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนใดๆ บ้าง ซึ่งถ้าความเสียหายนั้นหนักมาก ก็จะเป็นการเปลี่ยนเครื่องใหม่แทนการซ่อม แต่ถ้าเป็นความเสียหายเล็กๆ เช่น หน้าจอร้าว ก็จะเปลี่ยนแค่หน้าจอเท่านั้น และค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันออกไป

Apple กับค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอุปกรณ์ เท่าไหร่?

อย่างที่บอกไว้ด้านบนแล้วว่า Apple จะใช้การเปลี่ยนอุปกรณ์เป็นหลักในการซ่อม ส่วนราคาเท่าไหร่นั้น ก็จะขึ้นอยู่กับว่า เราได้ซือ AppleCare+ ไว้หรือไม่ (AppleCare+ เป็นโปรแกรมที่จะช่วยขยายเวลารับประกันตัวเครื่อง และคุ้มครองตัวเครื่องจากอุบัติเหตุ ซึ่งเงื่อนไขการซื้อในแต่ละอุปกรณ์จะแตกต่างกันไป) ไปดูกันว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร

(ราคานี้สำหรับศูนย์บริการที่ได้รับการรับรองจาก Apple เท่านั้น)

1. iPhone จะมีเงื่อนไขในการเปลี่ยน 3 แบบ

เปลี่ยนแบตเตอรี่ 

• มี AppleCare+ หรืออยู่ภายใต้การรับประกัน ไม่มีค่าใช้จ่าย
• ไม่อยู่ภายใต้การรับประกัน
  • รุ่น X, Xr, Xs,Xs Max, 11, 11 Pro, 11 Pro Max 2,300 บาท
  • รุ่นที่เหลือทั้งหมด 1,600 บาท

เปลี่ยนหน้าจอ

• มี AppleCare+ ทุกรุ่น 1,000 บาท
• ไม่อยู่ภายใต้การรับประกัน
  • รุ่นจอ 6.5 นิ้ว 10,900 บาท (iPhone Xs Max, 11 Pro Max)
  • รุ่นจอ 6.1 นิ้ว 6,600 บาท (iPhone Xr, 11)
  • รุ่นจอ 5.8 นิ้ว 9,200 บาท (iPhone X, Xs, 11 Pro)
  • รุ่นจอ 5.5 นิ้ว 5,600 บาท (iPhone 7 Plus, 8 Plus, 6s Plus)
  • iPhone 6s และ 6 Plus 4,900 บาท
  • iPhone 6, SE, 5s, 5c ราคา 4,300 บาท

เปลี่ยนเครื่องใหม่

• มี AppleCare+ ทุกรุ่น 3,300 บาท
• ไม่อยู่ภายใต้การรับประกัน
• iPhone Xs Max และ 11 Pro Max 19,900 บาท
• iPhone X, Xs, 11 Pro 18,300 บาท
• iPhone Xr, 11 13,200 บาท
• iPhone 8 Plus 13,200 บาท
• iPhone 8, 7 Plus 11,600 บาท
• iPhone 7 10,600 บาท
• iPhone 6s Plus, 6 Plus 10,900 บาท
• iPhone 6s, 6 9,900 บาท
• iPhone SE, 5s, 5c 8,900 บาท

2. iPad จะมีเงื่อนไขในการเปลี่ยนอยู่ 2 แบบ

เปลี่ยนแบตเตอรี่

• มี AppleCare+ ทุกรุ่น ไม่มีค่าใช้จ่าย
• ไม่อยู่ภายใต้การรับประกัน ทุกรุ่น 3,400 บาท

เปลี่ยนตัวเครื่อง

• มี AppleCare+ ทุกรุ่น 1,600 บาท
• ไม่อยู่ภายใต้การรับประกัน 
• iPad รุ่นที่ 4 (2012) 9,800 บาท
• iPad รุ่นที่ 5-7 (2017-2019) , Air (2013) 8,200 บาท
• iPad Air 2 (2014), iPad Mini 3 (2014), 4 (2015), 5 (2019) 9,800 บาท
• iPad Mini 1 (2012), 2 (2013) 6,600 บาท
• iPad Air 3 (2019), iPad Pro 9.7 (2016) 12,500 บาท
• iPad Pro 10.5 (2017) 14,800 บาท
• iPad Pro 11 (2018) 16,400 บาท
• iPad Pro 12.9 รุ่น 1 (2015) และ 2 (2017) 19,800 บาท
• iPad Pro 12.9 รุ่นที่ 3 (2018) 21,400 บาท

3. Mac มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้

เปลี่ยนแบตเตอรี่

• MacBook Pro 16, 15 (Retina), 13. (Retina) 7,500 บาท
• MacBook Pro 15, 13 4,900 บาท
• MacBook Air 13, 11 4,900 บาท
• MacBook 12 7,500 บาท
• อุปกรณ์เสริม (Magic Keyboard, Magic Keyboard with Numpad, Magic Mouse 2, Magic Trackpad 2) 1,100 บาท

มี AppleCare+ (ต้องซื้อภายใน 60 วัน และตัวเครื่องไม่เสียหาย)

• หน้าจอและตัวเครื่องภายนอก ทุกรุ่น 3,300 บาท
• ความเสียหายอื่นๆ ทุกรุ่น 10,000 บาท

ไม่มี AppleCare+

• อยู่ภายใต้การรับประกัน ไม่มีค่าใช้จ่าย
• ไม่ครอบคลุมการรับประกัน นำเข้าศูนย์บริการเพื่อประเมินค่าใช้จ่าย

การรับประกันของแอปเปิ้ลถือว่ามีตัวเลือกที่ดีพอสมควรเลยทีเดียว แต่ก็อาจจะแพงไปสักนิด อย่างเช่น iPad ทุกรุ่นที่ถ้าเกิดหน้าจอแตกขึ้นมา ก็จะต้องเสียเงินเพื่อเปลี่ยนเครื่องได้อย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็แลกมากับความสะดวกสบายและไม่ต้องรอซ่อมตัวเครื่องนานจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ควรใช้อุปกรณ์ของเราอย่างระมัดระวังจะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องเสียเงินในเรื่องที่ไม่จำเป็น